หวาน มัน เค็ม 3 อย่างอันตราย
ได้ฟังวิทยุและทีวี รวมทั้งสื่อออนไลน์ทั้งหลาย ออกประกาศเตือนเกี่ยวการบริโภค หวาน มัน เค็ม ซึ่งถือได้ว่าคนไทยในปัจจุบันนี้ รับประทานอาหารประเภท หวาน มัน เค็ม กันมากขึ้น ทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพตามมาอย่างมากมาย เช่น โรคความดันโลหิต โรคไขมัน โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น
อาหารหวาน อาหารมัน อาหารเค็ม นั้นมีโทษต่อร่างกายอย่างไรบ้างนั้น หลายท่านก็ทราบกันดี แต่ก็ยังติดใจในรสชาดของอาหาร บางคนบอกว่ามันเคยชินไปเสียแล้ว หากไม่อร่อยก็ไม่รู้ว่าจะรับประทานไปทำำไม มันก็จริงสำหรับคำตอบเหล่านั้น แต่บางคนก็ไม่ทราบเลยว่ารับประทานหวานมากไป มันมากไป เค็มมากไป จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่รู้ไม่ทราบเลย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในปัจจุบันจะเห็นว่าชอบรับประทานขนมขบเคี้ยวกันมาก โดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้ห้าม แถมยังชอบซื้อให้ลูกรับประทานเสียด้วยซ้ำไป เห็นว่าลูกชอบ (มันฝรั่ง) ขนมประเภทนี้ก็ซื้อมาฝากลูกหลาน ไม่อยากที่จะขัดใจลูกหลาน อย่างนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่สะสมโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิต โรคเบาหวาน โรคไต โรคไขมัน ตั้งแต่วันเด็กกันทีเดียว
เราลองมาดูกันซิว่าอาหารหวาน อาหารมัน อาหารเค็มนี้มีอันตรายอย่างไร และอยู่ในอาหารประเภทไหนกันบ้าง
โรคเบาหวาน คือผู้ที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือก หรือในปัสสะวะ เกิน 126 มก/ดล.
โรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกิน 140/90
โรคไขมัน ซึ่งมีอยู่ 2 ตัว คือ คลอเรสเตอรอล และ ไตรกลีเซอร์ไรค์ ซึ่งถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้หลอดเลือดตีบ ทำให้เลือดไหวเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงเป็นเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมา เช่นโรคความดันโลหิตสูง
คลอเรสเตอรอลรวม ค่าปกติควรไม่เกิน 200 มก./ดล. หากใครไปตรวจแล้วสูงกว่านี้ก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นยังมีไขมันอีก 2 ตัว คือ
LDL คือ ไขมันเลว ที่ำทำให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมายก็ตัวนี้แหละ ค่าปกติไม่ควรเกิน 130 มก./ดล.
HDL คือ ไขมันดี ค่าปกติต้องมีไม่น้อยกว่า 35 มก./ดล.
HDL ไขมันดี มีอะไรบ้าง สำหรับเจ้าไขมันดีนั้นก็มีอยู่มากมายเช่น ไขมันไม่อิ่มตัว (UNSATURATED FAT) จะพิมพ์อยู่ด้านข้างผลิตภัณฑ์ ,โอเมก้า 3, เลซิติน หากรับประทานไขมันดีมาก ๆ ก็จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันที่หัวใจได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับผู้มีเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด มีวิธีแก้ไขอย่างไร
1.หญ้าปัญจขันธ์ (เจี่ยวกู่หลาน)
2.เห็ดหลินจือ
3.กระเจี๊ยบแดง
4.ดอกคำฝอย
5.ออกกำลังกาย
6.นั่งสมาธิทำจิตใจให้ผ่องใส
ข้อ 5 และ ข้อ 6 นั้นเป็นวิธีที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง หากเราทำทุกวัน ๆ ละ ไม่น้อยกว่า 30 นาที ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง ไม่เชื่อลองทำดูก็ได้
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คลังบทความของบล็อก
-
►
2015
(1)
- ► กุมภาพันธ์ (1)
-
▼
2013
(18)
- ► กุมภาพันธ์ (4)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น