วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กล้วยน้ำว้า สรรพคุณ ประโยชน์ บำรุงและดูแลสุขภาพ

กล้วยน้ำว้า สรรพคุณ ประโยชน์ บำรุงและดูแลสุขภาพ

กล้วยน้ำว้า สรรพคุณ ประโยชน์ บำรุงร่างกายและดูแลสุขภาพ กล้วยน้ำว้า เป็นผลไม้ไทยๆ ที่มีมาแต่โบราณแล้ว  คนไทยทุกคนเกิดมาก็ต้องรู้จักกล้วยน้ำว้าเป็นอย่างดี และถือว่ากล้วยน้ำว้า มีความสำคัญมาก ขนาดเวลาบวชพระ กล้วยยังเป็นผลไม้สำหรับการฉลองพระใหม่ เนื่องจากกล้วยน้ำว้าทำให้เขาได้เติบโตมาได้ก็เพราะกล้วยน้ำว้านี่เอง 

กล้วยน้ำว้าดีอย่างไร

    กล้วยน้ำว้า ถึงจะเป็นผลไม้ ที่ไม่น่าจะให้พลังงานได้เยอะ แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยเป็นแหล่งพลังงานสำรองชั้นดี ในกล้วย 1 ผล สามารถให้พลังงานได้ร่วม 100 แคลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิด ทั้ง ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมไปถึงเส้นใยและกากอาหาร ดังนั้น ถ้าหากหิว ก็สามารถทานกล้วยรองท้องได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของกล้วยที่กิน เช่น กล้วยไข่ อาจทานได้มากกว่า 3 ผล ต่อ 1 ครั้ง กล้วยน้ำว้า 1-2 ผล กล้วยหอม 1-1 ครึ่งผล) และในกล้วยเอง ยังอุดมด้วย วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน แถมแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยป้องกันโรคความดันอีก

สุขภาพดีได้ง่าย ๆ กับกล้วยน้ำว้าอย่างน้อย วันละ 1-2 ผล

    ในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้าให้วิตามินเอสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี 1 บี 2 ซี และไนอะซิน (บี 6) ในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้า มีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบด เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรานั่นเอง

    นอกจากนี้กล้วยน้ำว้า ยังมีสรรพคุณในทางยาอีกด้วย มาดูว่ามีอะไรบ้าง

1.กล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรืออาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้ง ๆ รับประทานวันละ 5 - 6 ผล จะช่วยให้อาการคะคายเคืองลดน้อยลงไปได้มาก หรือหากจะผสมน้ำผึ้งก็ยิ่งดี



2. กล้วยน้ำว้า ยังช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย  ถ้าใครมีกลิ่นปากรุนแรงในตอนเช้า กล้วยน้ำว้าก็มีสรรพคุณทางยาช่วยลดกลิ่นปากได้ดี  วิธีการก็คือ รับประทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที แล้วค่อยแปรงฟัน จะช่วยลดกลิ่นปากได้มาก

    นอกจากนี้ยังเป็นยาระบายช่วยแก้ท้องผูก หรือระบบขับถ่ายไม่ปกติ เนื่องมาจากสารเพคติน จะเป็นตัวเพิ่มใยอาหารให้กับลำไส้ เมื่อลำไส้อีกกากอาหารมาก จะไปดันผนังลำไส้ ทำให้ผนังลำไส้เกิดการบีบตัว จึงทำให้รู้สึกอย่างถ่ายนั่นเอง ทั้งนี้วิธีการแก้อาการท้องผูกอีกวิธีหนึ่ง คือให้ทานกล้วยน้ำว้าสุข 1-2 ผล ก่อนนอน แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ จะช่วยให้ถ่ายท้องได้ดีในวันรุ่งขึ้น 

3.กล้วยน้ำว้า แก้ท้องผูกได้ ก็สามารถแก้ท้องเดินหรือท้องเสียได้ ทั้งนี้เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ ใช้ใช้กล้วยน้ำว้าดิบหรือห่ามมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มนานครึ่งชั่วโมง ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 ถ้วยแก้ว ให้ดื่มทุกครั้งที่ถ่าย หรือทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ใน 4-5 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ดื่มทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง หรือวันละ 3-4 ครั้ง

4.กล้วยน้ำว้ายังสามารถรักษาโรคกระเพาะได้ โดยการนำกล้วยนำว้าดิบมาปอกเปลือก แล้วนำเนื้อมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แตกแดด 2 วันให้แห้งกรอบ บดเป็นผงให้ละเอียด ใช้ทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำข้าว หรือน้ำผึ้ง ทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง หรือก่อนนอนทุกวัน ทั้งนี้ในกล้วยดิบ จะกระตุ้นเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะเพื่อหลั่งสารพวก “มิวซิน” ออกมาเคลือบกระเพาะ ซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะ 

5.เปลือกของกล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจาก แมลงกัดต่อย และผื่นแดงจากอาการคัน นอกจากนี้เนื้อและเปลือกกล้วย มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนองได้

    นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้า ยังมีสรรพคุณทานเป็นอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณ วิธีการคือนำกล้วยสุกปอกเปลือกออก แล้วนำไปแช่กับน้ำผึ้ง ซัก 1 สัปดาห์ แล้วจึงนำมาทานวันละ 1-2 ผล จะช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงได้
    จะเห็นได้ว่ากล้วยน้ำว่ามีประโยชน์มากมาย กล้วยน้ำว้าหารับประทานได้ไม่ยาก  ราคาของกล้วยน้ำว้า ก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับผลไม้อื่น หากได้รับประทานกล้วยน้ำว้า เพียงวันละ 5-6 ลูก ก็จะทำให้เราห่างไกลหมอได้พอสมควร  

    

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กล้วยหอม สรรพคุณดี มีประโยชน์ ให้พลังงานสูง

กล้วยหอม สรรพคุณดี มีประโยชน์ ให้พลังงานสูง


 กล้วยหอม ใคร ๆ ย่อมรู้จักกันดี และเมื่อพูดถึงผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ส่วนมากคงจะนึกถึงทุเรียนเป็นอันดับแรก รองลงมากก็คงจะเป็นมังคุด ละมุด ลำไย ขนุน มะม่วง องุ่น แต่รู้หรือไม่ว่ากล้วย ก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้พลังงานสูงไม่แพ้กันโดยเฉพาะกล้วยหอมเป็นอีกหนึ่งผลไม้ไทยที่มีผลงานวิจัยแล้วว่า เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ มากมาย ที่ร่างกายควรได้รับ และให้พลังงานมากถึง 100 กิโลแคลอรี่ต่อหน่วยเลยทีเดียว กล้วยหอมผลไม้ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ลองแวะไปตลาดใกล้บ้านท่านก็จะพบเห็นกล้วยหอมวางขายอยู่มากมาย สำหรับราคากล้วยหอมถูกแพงก็แล้วแต่ฤดูกาล ถ้าเป็นช่วงไหว้ กล้วยหอมก็จะแพงหน่อย ถ้าเป็นช่วงอื่น ๆ กล้วยหอมก็จะไม่แพงจนเกินไป



คุณประโยชน์ ในกล้วยหอมนั้นมีน้ำตาลอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ ซุคโคส ฟรักโตส และกลูโคส รวมทั้งเส้นใยอาหาร ดังนั้นร่างกายเราจะได้รับพลังงานและสามารถนำไปใช้ได้ทันที ผลจากการวิจัย แค่กล้วยหอมเพียง 2 ลูก ก็สามารถให้พลังงานกับเราได้มากถึง 90 นาที ด้วยเหตุนี้นักกีฬาโดยเฉพาะนักเทนนิส จึงนิยมนำไปรับประทานระหว่างการแข่งขัน เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และสามารถนำไปใช้ได้ทันทีนั่นเอง
นอกจากคุณประโยชน์ในแง่สารอาหารแล้ว กล้วยหอมยังมีสรรพคุณอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง


1.กล้วยหอมลดอาการซึมเศร้า
    มีการศึกษาทดลองกับกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า เมื่อให้รับประทานกล้วยหอมแล้ว ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทั้งนี้ในกล้วยหอมมีสาร Tryptophan เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ร่างกายสามารถแปลงเป็น Serotonin สารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุข


2.กล้วยหอม มีpms. (Premenstrual syndrome)
    เป็นอาการของคุณผู้หญิงในช่วงระหว่างก่อนมีหรือมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดแปรปรวนง่าย รวมไปถึงอาการปวดหัว ปวดท้อง หากรับประทานกล้วยหอมก็จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหล่านี้ได้


3.กล้วยหอมช่วยโรคโลหิตจาง
    ในกล้วยหอมจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง ฮีโมโกลบิน ให้กับเม็ดเลือดแดง จะช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้


4.กล้วยหอมช่วยลดความดันโลหิต
    กล้วยหอมมีสารอาหารทั้งวิตามินและเกลือแร่อยู่หลายชนิด เกลือแร่ที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ โพแทสเซียม จากการวิจัยยืนยันแล้วว่าโพแทสเซียมในผลไม้ สามารถช่วยลดความดันโลหิตให้กับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงได้


5.กล้วยหอมเพิ่มพลังสมอง
    สารอาหารที่อยู่ในกล้วยหอมสามารถกระตุ้นความตื่นตัวให้กับสมองได้ จากการวิจัยเด็กนักเรียนในประเทศอังกฤษกลุ่มหนึ่งพบว่า การรับประทานกล้วยหอมเป็นอาหารเช้าก่อนเข้าห้องสอบ จะช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่ และทานอีกในช่วงกลางวัน จะทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวได้


6.หล้วยหอมลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมอง
    การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมจะช่วยลดภาวะจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ ดังนั้นกล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ


7.กล้วยหอมลดการเกิดก้อนนิ่วในไต
    บางครั้งแคลเซียมจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะเรามาก ทำให้ไตทำงานหนักจะอาจะเกิดเป็นก้อนนิ่วได้ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมอย่างกล้วยหอมจะช่วยให้ลดการเกิดนิ่วในไตได้


8.กล้วยหอมลดการเกิดแผลในกระเพาะและลำไส้
    กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารอยู่มาก ใยอาหารเหล่านี้จะไปช่วยให้ลำไส้เล็กย่อยอาหารได้ดีขึ้น รวมถึงยังช่วยเคลือบกระเพาะอาหารให้ลดการระคายเคืองของกรดต่าง ๆ ไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการท้องผูกอีกด้วย
9.กล้วยหอมลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง
    ในกล้วยหอมจะมีสารลดกรดธรรมชาติ การรับประทานกล้วยหอมจึงสามารถแก้อาการดังกล่าวได้


10.กล้วยหอมป้องกันกล้ามเนื้อเป็นตะคริว
    คนที่กล้ามเนื้อเป็นตะคริวนั้นส่วนหนึ่งมาจากการขาดโพแทสเซียม หรือมีโพแทสเซียมในร่างกายต่ำ การทานกล้วยหอมเป็นประจำจะช่วยลดอาการดังกล่าวได้


11.กล้วยหอมช่วยระบบประสาท
    ในกล้วยหอมนอกจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียมแล้วยังมีวิตามินบีอยู่อีกมาก วิตามินบีจะช่วยเรื่องระบบประสาทในร่างกาย และการทำงานของสมองให้สมดุล




วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ขมิ้นขาว อร่อยดี สรรพคุณดี มีประโยชน์

ขมิ้นขาว อร่อยดี สรรพคุณดี  มีประโยชน์


ขมิ้นขาว เป็นพืชสมุนไพร ที่น้อยคนนักจะรู้จัก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่  ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนมองข้าม วันนี้เลยต้องนำสรรพคุณ ของขมิ้นขาว มาเล่ากันใหม่ ซึ่งขนิ้มขาวนั้นมีสรรพคุณ ขับลมในลำไส้ ขมิ้นขาวมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า curcumin ป้องกันมะเร็งได้ น้ำต้มขมิ้นมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี ใช้รักษาอาการนิ่วในถุงน้ำดี และโรคกระเพาะอาหารได้ ขมิ้นสดยังช่วยขับลม แก้ท้องอืดอีกด้วย ขมิ้นขาวสด เมื่อทาน 100 กรัมให้วิตามินซีถึง 16 มิลลิกรัม ส่วนขมิ้นชันให้วิตามินซี 12 มิลลิกรัม



ประโยชน์ทางอาหาร
เหง้าสด นำมารับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปยำ แกง ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร เหง้าสด ซึ่งหาซื้อได้ตามท้องตลาดสดทั่ว ๆ ไป ก็จะมีขายอยู่ ซึ่งราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่  เนื่องจากมีผู้รับประทานเฉพาะกลุ่มหรืออย่างไรไม่ทราบได้  หากผู้ที่นิยมรับประทานอาหารแนวสุขภาพแล้ว ส่วนใหญ่จะทราบว่า ขมิ้นขาวนั้นมีประโยชน์มากมาย

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยขมิ้นขาวหากทำตามตารางเวลาดังต่อไปนี้ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

เวลา 03.00-05.00 น. เป็นเวลาของปอด การรับประทานขมิ้นชันในช่วงเวลานี้จะช่วยบำรุงปอด จะช่วยฟอกปอดให้สะอาด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ทำให้ปอดแข็งแรง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง มะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

 เวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ จะช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเคยรับประทานยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้รับประทานขมิ้นขาวเวลานี้ เพราะขมิ้นขาวจะฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องรับประทานเป็นประจำจึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายก็ต้องพยายามหาขมิ้นขาวมาัรับประทานกันบ้าง ไม่ว่าจะรับประทานกับน้ำพริก หรือร่วมรับประทานกับผักอื่น ๆ ก็ดี 

นอกจากนี้ขมิ้นขาวยังช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก และปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไปได้เช่นกัน แต่ถ้าหากลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้รับประทานขมิ้นขาวพร้อมกับสูตรโยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาวหรือน้ำอุ่นก็ได้ เพื่อช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็ก ๆ จำนวนกว่าล้านเส้น ซึ่งขมิ้นขาว จะช่วยล้างบริเวณขนนี้ให้สะอาดโดยไม่ให้มีขยะตกค้างอยู่ที่ขน และเมื่อขนสะอาดจะทำให้ไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและโรคมะเร็งลำไส้ได้เช่นกันเช้านี้ลองบอกแม่บ้านที่ไปจ่ายตลาดเช้าก็อย่าลืมซื้อขมิ้นขาวมาสัก 1 กำก็น่าจะดี


เวลา 07.00-09.00 น. เป็นเวลาการทำงานของกระเพาะอาหาร จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการเสียดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมองทำให้สมองสดใจ ไม่หลงไม่ลืม และป้องกันความจำเสื่อมได้

เวลา 09.00-11.00 น. เป็นเวลาการทำงานของม้าม ขมิ้นขาว จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป และผอมเกินไปซึ่งเกี่ยวข้องกับม้าม นอกจากนี้ยังลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน มื้ออาหารกลางวันใครที่เป็นโรคเกาต์ หรือเบาหวาน ก็ลองรับประทานขมิ้นขาวในเวลานี้เป็นประจำก็จะดีต่อร่างกายไม่น้อย

เวลา 11.00-13.00 น. เป็นเวลาการทำงานของหัวใจ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หากทานขมิ้นขาวเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง แต่ถ้าหากรับประทานขมิ้นขาว เลยเวลา 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นขาว จะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง (แต่ส่วนมากมักไปไม่ถึงเพราะกินขมิ้นขาวน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง) จึงต้องลงขมิ้นขาวทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ควรกินขมิ้นให้สม่ำเสมอร่างกายจะได้รับสารอาหารได้เต็มที่

เวลา 15.00-17.00 น. เป็นเวลาการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ ขมิ้นขาวจะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรรับประทานน้ำกระชายเวลานี้ จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

หากรับประทานขมิ้นขาว ขมิ้นชันเลยจากช่วงเวลานี้ไปจนถึงเวลานอน จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และเมื่อตื่นนอนตอนเช้าก็จะไม่ค่อยอ่อนเพลีย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นด้วย

- การปรุงอาหาร เหง้าสด นำมารับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปยำ แกง
 - ลักษณะพิเศษ ขมิ้นขาว รสเผ็ด สรรพคุณ ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง 
  - การปรุงอาหาร เหง้าสด นำมารับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือนำไปยำ แกง
 - ลักษณะพิเศษ ขมิ้นขาว รสเผ็ด สรรพคุณ ขับลมในลำไส้