วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หัวเผือก-หัวมัน-แห้ว-มันแกว ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงสมอง

หัวเผือก-หัวมัน-แห้ว-มันแกว ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงสมอง 
กินแห้ว คำ ๆ นี้ หลาย ๆ คนไม่ชอบเลยสำหรับอาหารชนิดนี้ แต่จะมีบ้างไหมที่รู้ว่าแห้วนั้นมีประโยชน์อย่างไร สำหรับสาว ๆ ที่รักหุ่นเท่าชีวิตต้องเลิก "ไดเอต ไดอด" ได้แล้ว เพราะการไม่กินข้าวเย็น งดแป้ง เลี่ยงน้ำตาล อาจทำให้ขาดสารอาหารได้ และสำหรับใครที่ชอบกินขนมจุบจิบ "มัน" ช่วยคุณได้แน่นอน วันนี้ เรามีเกร็ดเล็กน้อยถึงประโยชน์ของพืชหัวมาฝาก แม้ว่าจะยกขบวนมาไม่หมดทุกชนิด แต่ก็รับรองว่าพืชหัว 4 ชนิดต่อไปนี้คือ มันฝรั่ง มันแกว แห้ว และเผือก ซึ่งเราคัดเฉพาะมานี้ดีต่อสุขภาพแน่นอน มีประโยชน์แม้จะทำเป็นของทานเล่น หรือนำไปปรุงเป็นเมนูหลักสุดโปรด
1.มันฝรั่งบำรุงสมอง (Potato)
          มันฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ผลิตสารสื่อประสาทอย่างเป็นปกติ เช่น เซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ และกาบา สารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และอะดรีนาลีน สารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเครียด ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง (ทั้งประเภทบด และต้มกินทั้งหัว) ไม่ควรกินเกินกว่านี้ เพราะมีกรดแอล-แอสคอร์บิกอยู่ (หรือวิตามินซี) จะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารจนรู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ

2.มันแกวป้องกันโรคหัวใจ (Jicama)          มันแกวนั้นประกอบด้วยกรดโฟลิกช่วยคุมปริมาณสารโฮโมซีสทีนในเลือดไม่ให้สูงเกินไป เพราะหากร่างกายมีสารโฮโมซีสเตอีนอยู่ในปริมาณสูงเกินไป หลอดเลือดจะถูกทำลาย โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ ผลคือ หลอดเลือดจะตีบ และอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนอาจตายเพราะเลือดไม่ไหลเวียน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวัน คือ 1 ถ้วยตวง (120 กรัม)

3.เผือกบำรุงกระดูกและฟัน (Taro Root)          เผือกช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพราะมีแคลเซียมสูง แต่เผือกดิบมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งเป็นกรดที่ดักจับแคลเซียมในอาหาร ก่อนกินจึงต้องผ่านกระบวนการความร้อนก่อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการต้ม อบ คั่ว ทอด หรือนึ่ง เพื่อเจือจางปริมาณกรดออกซาลิก เพราะหากไม่ได้นำไปทำให้สุกก่อน กรดออกซาลิกจะจับตัวกับแคลเซียมไปสะสมที่ไตในรูปของแคลเซียมออกซาเลต มีลักษณะเป็นก้อนนิ่วที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนิ่วในไต และโรคเก๊าท์ (ข้อต่ออักเสบ) ได้ในที่สุด ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง

4.แห้วบำรุงมวลกล้ามเนื้อ (Water Chestnut)          แห้วที่ใครหลาย ๆ คนไม่ชอบเอาซะเลย  แต่มีผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด เผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง ½ ถ้วยตวง ก็อุดมด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ปริมาณบริโภคที่แนะนำต่อวันคือ ½ -1 ถ้วยตวง

          มันฝรั่ง มันเทศ มันแกว เผือก และแห้ว ถือเป็นผักที่อุดมด้วยสตาร์ช (Starch) หรือคาร์โบไฮเดรตที่เกิดขึ้นเองจากการสะสมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังถือเป็นผักที่เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุชั้นดีอีกด้วย หากวันนี้คุณยังนึกไม่ออกว่ายังไม่ได้กินสารอาหารหมู่ใด ลองนำพืชหัวเหล่านี้ไปดัดแปลงเป็นเมนู เช่น ซุปมันฝรั่ง สตูว์มันฝรั่ง สลัดมันแกว มันย่าง มันเทศต้ม เผือกต้ม รับรองว่าคุณก็จะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนแน่นอน   ทีนี้หากใครพูดว่า กินแห้ว ก็ไม่ต้องไปโกรธเขาน่ะครับ เพราะว่าแห้วมันมีประโยชน์มาก ๆ ขอบอก


ไม่มีความคิดเห็น: